อณาจักรของ Bitcoin - อะไรคือ Blockchain - CryptoCurrency คืออะไรหรอ? - ลงทุนบิทคอยน์ (Bitcoins) ให้มีกำไร ปลอดภัย เข้าใจความเสี่ยง

ลงทุนบิทคอยน์ปลอดภัย มีกำไร เข้าใจความเสี่ยง
ดูสารบัญเนื้อหา | เทรดบิทคอยน์กับ BitKub | เทรดบิทคอยน์กับ Bitazza

อณาจักรของ Bitcoin - อะไรคือ Blockchain - CryptoCurrency คืออะไรหรอ?


มีคำถามที่น่าสนใจว่าอณาจักรของ Bitcoin คืออะไรหรอ? หลายๆท่านที่ชอดูภาพยนตร์อณาจักรหนัง Marvel คงจะรู้สึกว่าแต่ละเรื่องล้วนผูกพัน เกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน ในวันนี้ผู้เขียนจะขอชี้แจงแถลงไขว่า ในโลกของบิทคอยน์นั้น มันเป็นยังไง

เมื่อท่านได้อ่านเรื่องบิทคอยน์คืออะไร ท่านพอจะเห็นภาพรวมปรัชญาที่ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับบิทคอยน์แล้วนะครับ

ถ้าให้เปรียบเทียบบิทคอยน์ให้เห็นภาพโดยง่าย ลองนึกถึงต้นมะม่วงต้นหนึ่ง ที่ตัวลำต้นของมันนั้นเป็นเหตุ และตัวมะม่วงนั้นเป็นผล หรือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากต้นมะม่วงนั้นเอง

บิทคอยน์เองนั้นเป็นผลิตผลอันเกิดจากเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Blockchain 
เทคโนโลยี Blockchain เป็นรูปแบบหนึ่งของการเก็บข้อมูล ในอดีตนั้นการเก็บข้อมูลเราเริ่มจากการจดบันทึกในกระดาษ แล้วพัฒนาต่อมาใส่ใน Text File/ Database ซึ่งต่อให้มีการเก็บไว้กี่ร้อยกี่พันข้อมูล แต่ข้อมูลเหล่านั้นไม่สามารถเชื่อถือได้ เพราะว่าเมื่อเขียนไปแล้วสามารถเอามาลบได้ หรือการเก็บใน Excel Database ล้วนที่จะแก้ไขข้อมูลได้


ซึ่งนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะลองคิดดูว่าหากปล่อยให้บุคคลใดสามารถแก้ไขเงินในกระเป๋าของทุกคนได้ บุคคลนั้นย่อมเป็นพระเจ้า จะเสกให้ใครรวยข้ามวันก็ย่อมได้

ด้วยความไม่ไว้ใจผู้ดูแลระบบ/คนเก็บข้อมูล ระบบ Blockchain ได้เกิดขึ้นมา เป็นรูปแบบของการเก็บข้อมูลที่เมื่อเขียนขึ้นมาแล้ว จะถูกประกาศออกไปในระบบอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมอยู่ในระบบจะจดบันทึกธุรกรรมเหล่านั้นไว้เหมือนกัน จากนั้นก็จะมีกระบวนการถอดรหัสปิดบล็อก (เป็นลักษณะของการ Settlement ธุรกรรมอย่างหนึ่ง) เมื่อข้อมูลถูกจัดเก็บในบล็อคแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้อีก ข้อมูลจะถูกสตาฟไว้เช่นนั้นนิรันดร แล้วก็จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการ Settlement เป็นบล็อคใหม่ขึ้นมา โดยจะต้องอ้างอิงกับบล็อคก่อนหน้านั้น ดังนั้นทุกบล็อคจะเรียงร้อยต่อกันเป็นโซ่ธุรกรรมขนาดยาว ที่เก็บบันทึกธุรกรรมขนาดมหึมา เราเรียกว่า บล็อคเชน (Blockchain)

ด้วยเทคโนโลยีตัวนี้ ทำให้แม้แต่คนสร้างเองก็ไม่อาจที่จะแก้ไขบล็อคที่ถูกปิดไปแล้วได้ จึงเกิดความมั่นใจว่าไม่มีใครที่จะแก้ไขได้ ด้วยความพิเศษตรงนี้ จึงได้มีนักประดิษฐ์รายหนึ่ง(นักโปรแกรมเมอร์) ซึ่งมีความอัดอั้นตันใจ ไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ปริ้นท์เงินมากมายมหาศาลออกมาเหมือนเงินกงเต๊กเผาให้บรรพบุรุษ เขาจึงสร้างเกมส์ๆหนึ่งขึ้นมาว่าบิทคอยน์ (Bitcoin) เหตุที่ผู้เขียนเรียกว่าเกมส์ เพราะว่าการใครที่จะถอดรหัสเพื่อปิดบล็อกได้นั้น จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถในการคำนวณเช่น มีคอมพิวเตอร์เยอะกว่าคนอื่นทำให้คิดได้เร็วกว่า ดังนั้นหากใครคิดได้ก่อน(ถอดรหัสเสร็จก่อน) คนนั้นก็จะได้บิทคอยน์ไป และเกมส์นี้มีความพิเศษที่ว่ามันมีแค่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้อีกแม้แต่คนสร้างมันขึ้นมาก็ทำไม่ได้

ด้วยความเป็นสิ่งของหายากเช่นนี้ คนจึงได้ให้มูลค่าของมัน โดยการยอมจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อแลกกับความเป็นเจ้าของมัน นานวันเข้าเมื่อทุกคนได้รับรู้ก็อยากจะเล่นเกมส์นี้เช่นกัน เมื่อผู้เล่นเกมส์มากขึ้น มาช่วยกันคิดมากขึ้น แน่นอนว่าผู้ชนะเองก็ย่อมต้องยากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นบิทคอยน์จึงมีมูลค่าตามความต้องการมันนั่นเอง
สรุป: บิทคอยน์เริ่มแรกไม่ใช่เงิน แต่เป็นลักษณะของหายาก ที่คนให้คุณค่ากับมัน ลักษณะเช่นเดียวกับพระเครื่อง ซึ่งไม่ใช่เงินแต่ก็มีคนอยากได้และให้ราคาสิ่งนั้น ส่วนบล็อคเชนนั้นเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังของ Bitcoin

ด้วยความที่ว่ามันหายากมากกกก.... ทุกคนล้วนต้องการ มันจึงเกิดนักพัฒนาหัวใสที่บอกว่า ฉันก็พัฒนาเกมส์ที่เหมือนๆกันนะเผื่อพวกนายสนใจ ถ้าใครอยากได้ก็เอาคอมพิวเตอร์มาถอดรหัสบล็อคของฉันสิ ใครชนะก็ได้ไปครอบครองแทน

เมื่อ Bitcoin นั้นไม่ได้อยู่ลำพังต่อไป แต่กลับมีพี่น้องฝาแฝดออกมาลักษณะคล้ายๆกัน ที่เริ่มแรกก็เหมือนกับเกมส์ถอดรหัส แต่ทว่าในยุคหลังๆถัดมา ผู้คนเริ่มทำการแลกเปลี่ยนของกับบิทคอยน์ รวมไปถึงบริการแลกเปลี่ยนเงินสกุลของรัฐกับบิทคอยน์ รวมไปถึงการสะสมบิทคอยน์เป็นเครืองเก็บรักษามูลค่า(Store of value) ซึ่งโดยประวัติศาสตร์ของเงินนั้นเมื่อก่อนก็แลกเปลี่ยนของต่อของ ต่อมาก็เอาเบี้ยแลกของ ต่อมาเอาทองแลกของ ทองไม่พอก็เปลี่ยนมาเป็นกระดาษ ผู้คนเริ่มมองเห็นว่าบิทคอยน์ก็แลกของได้ไม่ต่างกับเงินรัฐทั่วไป จึงสถาปนาว่าบิทคอยน์คือเงินตราที่สามารถแลกอะไรก็ได้ จึงมีสถานะเป็น Currency แต่ด้วยการได้มันมาต้องถอดรหัส ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ จึงขยายความว่าเป็น Crypto Currency

อย่างที่ได้กล่าวในตอนต้นแล้วว่าบิทคอยน์ไม่ได้มาลำพังอีกต่อไป หากแต่มีคนสร้างเงินสกุลเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อสนอง Need ของคนเหล่านี้ ทำให้ปัจจุบันนี้มี Crypto Currency มากกว่า 2,000 กว่าเหรียญทั่วโลก โดยมีทั้งก๊อบ Bitcoin มาทั้งดุ้น หรือกระทั่งพัฒนาต่อยอดทำเป็น Smart Contacts ได้ และมีการพัฒนาการเก็บข้อมูลไปใช้ใน Logistic ติดตามสินค้า ใช้ในการแพทย์ในการเก็บข้อมูลผู้ป่วยไว้ใน Blockchain และนวัตกรรมอื่นๆมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
สรุป: อณาจักรของ Bitcoin ในปัจจุบันค่อนข้างแข็งแกร่ง มีเหรียญที่เกินตามและพัฒนาต่อยอดรวมกว่า 2,000 ตัวในตลาด และมีโอกาสที่จะได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น