นับแต่ปี 2017 หรือปี 2560 ซึ่งเป็นวันฉลองของสาวกบิทคอยน์และ CryptoCurrency เป็นอันมาก ที่ราคาพุ่งกันกว่า 1000% เช่นราคาของบิทคอยน์ที่ราคาหลักพัน พุ่งทยานเสียดฟ้าที่ 600,000 บาทต่อบิทคอยน์ หลังจากนั้นราคาก็ได้ร่วงลงไปยังจุดที่คาดว่าจะเป็นจุดที่ต่ำสุดคือที่ 6000$ หรือประมาณ 180,000 บาทเท่านั้น หรือมูลค่าได้หายไปกว่า 70%
ท่ามกลางบทวิเคราะห์บิทคอยน์ว่าเป็นฟองสบู่หรือไม่ ราคาลงมาขนาดนี้ฟองสบู่แตกแล้วหรือเปล่า ก็ปรากฎว่าช่วงเวลาเพียง 2 ปีปรากฎหว่าบรรดา Crypto Currency ก็ได้ร่วงลงกว่า 95-97% จากราคาสูงสุด (ATH) นับได้ว่าไม่เพียงแต่ฟองสบู่ได้แตก หากแต่ละอองที่แตกก็ได้ล่องลอยไปในอากาศอีกด้วย
แม้ว่าตลาด Crypto Currency จะผ่านมรสุมด้านราคาอย่างหนัก หากแต่ว่าในอดีตก็เคยเกิดแล้วกับตอนฟองสบู่ดอตคอม ที่บรรดาพวกเว็บมีราคาค่าตัวสูงมหาโหด ทุกคนหวังว่าจะเปลี่ยนโลก ราคาหุ้นกลับร่วงระนาว หลายๆเว็บล้มหายตายจาก แต่หลายๆเว็บกลับรอดและเป็นจ้าวแห่งตลาดเช่น Google Amazon
หลังจากนั้น Internet ก็ได้เข้าสู่ทุกบ้านและการทำเว็บดอตคอม แม้แต่เด็กประถมก็สามารถสร้างได้ แต่เหตุการณ์ฟองสบู่แตกในครั้งนั้นก็ได้สร้างมหาเศรษฐีจำนวนมากเช่นกัน
ดังนั้นสิ่งที่เราจะได้เห็นคือ ประวัติศาสตร์จะซำ้รอยเดิมเสมอ
เหรียญ Crypto Currency ที่ดี มีการพัฒนาราคาจะถูกถีบไปในห้วงอวกาศ ส่วนเหรียญห่วยๆ ราคาก็จะไม่ต่างกับเศษขยะที่กินพลังงานไฟฟ้า สร้างมลพิษแก่โลก
ในปี 2020 นี้จะเป็นปีที่บิทคอยน์จะเกิดการ Harving อีกครั้ง การฮาฟวิ่งแปลเป็นไทยโดยง่ายคือการลดรางวัลในการขุด เช่นจากเดิมที่นักขุดขุดได้ 50 BTC รางวัลก็จะลดลงครึ่งนึ่งเหลือ 25 BTC และลดลงเหลือ 12.5 และลดเหลือ 6.25 ไปเรื่อยๆ เป็นลักษณะของการลดการเฟ้อของรางวัลขุด เพราะหากขุดได้น้อยลง คนต้องการมาก ราคาก็ย่อมมากขึ้นตามหลักอุปสงค์ อุปทานแน่นอน
แม้ว่าสองปีนี้จะเป็นปีที่โหดร้าย แต่ก็แน่นอนว่าคนที่อดทนรอถึงวันที่ฟื้นตัวอีกครั้ง ก็มีแต่คนที่อดทนรอได้เท่านั้น ที่จะเป็นผู้ชนะในเกมส์นี้ ขอให้ทุกท่านร่ำรวยกันถ้วนหน้าครับ
In 2020, Bitcoin holder will be billionaire.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น